กิจกรรมการเรียนรู้ขององค์กร

กิจกรรมการเรียนรู้ขององค์กร





  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ด้วยตนเอง


   แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ด้วยตนเอง

        การเรียนรู้ไม่ได้เกิดแค่เพียงภายในห้องเรียนแต่เพียงอย่างเดียวแต่อาจเกิดได้จากสถานการณ์ดังนี้
1.    การเรียนรู้ด้วยตนเอง (self-directed learning) เป็นการเรียนที่เกิดจากความอยากรู้ อยากเห็น ผู้เรียนจะมีการวางแผนด้วยตนเองในการเรียนว่าจะเรียนไปในแนวทางไหนจะให้ประสบผลสำเร็จ
2.       การเรียนรู้ที่จัดโดยสถาบันศึกษา (provide sponsored) โดยมีกลุ่มบุคคล จัดกำกับดูแล มีการให้คะแนน ให้ปริญญา หรือประกาศนียบัตร ซึ่งจะทำให้มีแรงบรรดาลใจและแรงผักดันในการตั้งใจเรีียน
3.       การเรียนรู้จากกลุ่มเป็นการเรียนรู้แบบไม่เป็นทางการ คือ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน (collaborative learning)  
4.       การเรียนรู้โดยบังเอิญ (random or incidental learning) อาจเป็นผลพลอยได้จากเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งที่ผู้เรียนมิได้เจตนา เช่นการเดินทางไปในที่ใดสักแห่งและได้รับความรู้ใหม่มาโดยบังเอิญ

         จะเห็นได้ว่า การเรียนรู้ด้วยตนเอง เป็นวิธีการเรียนรู้วิธีหนึ่งที่นักการศึกษาให้ความสำคัญและเป็นสิ่งที่ควรส่งเสริมให้มีขึ้นในตัวผู้เรียน เพราะเมื่อใดก็ตามที่ผู้เรียนมีใจรักที่จะศึกษาค้นคว้าตามความต้องการ ก็จะเกิดการศึกษาต่อเนื่องโดยไม่ต้องบอก และมีแรงกระตุ้นให้เกิดความอยากรู้อยากเห็นไม่สิ้นสุด ซึ่งจะนำไปสู่การเป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต หรือบุคคลแห่งการเรียนรู้ที่หยั่งยืน อันเป็นเป้าหมายสูงสุดของการศึกษา

ความสำคัญของการเรียนรู้ด้วยตนเอง

1.       บุคคลที่เรียนรู้ด้วยการริเริ่มของตนจะเรียนได้มากกว่า ดีกว่าบุคคลที่เป็นเพียงผู้รับหรือรอให้ผู้สอนถ่ายทอดวิชาความรู้ให้ บุคคลที่เรียนรู้ด้วยตนเอง จะเรียนอย่างตั้งใจ มีจุดมุ่งหมายและมีแรงจูงใจสูง สามารถใช้ประโยชน์จากการเรียนรู้ได้ดีกว่า และยาวนานกว่าบุคคลที่รอรับการสอนแต่อย่างเดียว
2.       การเรียนรู้ด้วยตนเอง มีความสอดคล้องกับกระบวนการทางธรรมชาติของจิตวิทยาพัฒนาการ เมื่อแรกเกิดบุคคลต้องพึ่งผู้อื่น จำเป็นต้องมีบิดามารดา ปกป้องและตัดสินใจแทน แต่เมื่อบุคคลเติบโตขึ้นมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นจะค่อย ๆ พัฒนาตนเองไปสู่ความเป็นอิสระไม่ต้องพึ่งผู้อื่น ไม่ต้องอยู่ ภายใต้การควบคุมหรือกำกับของผู้อื่นจะมีความเป็นตัวของตัวเองเพิ่มขึ้น สามารถดำเนินชีวิตได้ด้วยตนเอง และชี้นำตนเองได้
3.       มีนวัตถกรรมทางการศึกษาเพิ่มขึ้นมาก เช่น มีหลักสูตรใหม่ ห้องเรียนแบบเปิด ศูนย์วิทยบริการ การศึกษาอย่างอิสระ โปรแกรมการเรียน ที่จุดสำหรับบุคคล ภายนอก การศึกษาระบบมหาวิทยาลัยเปิด เป็นต้น รูปแบบของนวัตกรรมเหล่านี้ล้วนแต่เป็น ความรับผิดชอบ ของผู้เรียนที่จะต้อง เริ่มจากการริเริ่ม การเรียนรู้ด้วยตนเอง
4.       ความเปลี่ยนแปลงของโลกหลาย ๆ ด้านอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดแนวคิดใหม่ในการศึกษา 


เขียนโดย : นางสาวศรัณญา   นิยม รหัส 56119400085 ตอนเรียน B1

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

กระแส IOS 8 Apple



แหล่งที่มา ::: http://www.youtube.com/watch?v=NskFt5Ivufk
รายการ ::: Good Morning Thailand (18 ต.ค.57) Morning XTrend ข่าวไอทีรอบสัปดาห์ ช่อง Mono29

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

ค่านิยมร่วม (Shared Value) ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต

ค่านิยมร่วม (Shared Value) ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต


  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

กลุ่มคนซึ่งเพิ่มมูลค่าให้กับองค์กร (Knowledge Workers) คือ อะไร?

กลุ่มคนซึ่งเพิ่มมูลค่าให้กับองค์กร (Knowledge Workers)

        ปัจจุบันสังคมได้ปรับเปลี่ยนจากระบบเศรษฐกิจที่เน้นการผลิตไปสู่การบริการและความรู้ และองค์กรชั้นนำส่วนใหญ่เชื่อว่า "ความรู้" คือทรัพย์สินที่สำคัญและจะเป็นตัวสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน เพราะความรู้ลอกเลียนแบบกันยากแต่ต้องบริหารจัดการเอง ทำให้กระแสตื่นตัวเรื่องการบริหารความรู้เป็นที่นิยมอย่างมาก ขณะเดียวกันกลุ่มคนที่ปฏิบัติงานบนฐานขององค์ความรู้หรือที่เรียกว่า "Knowledge Workers" ซึ่งเป็นพลังสำคัญของระบบเศรษฐกิจสังคมใหม่ ก็กลายเป็นจุดสนใจมากขึ้น
      มีนักวิชาการให้ความหมายของคำว่า Knowledge Workers ว่ากลุ่มคนซึ่งเพิ่มมูลค่าให้กับองค์กร โดยแปลงและประมวลผลข้อมูลให้กลายเป็นข้อมูลข่าวสารใหม่ ซึ่งจะนำไปใช้ในการค้นหาและแก้ปัญหาขององค์กร เพิ่มผลประโยชน์ให้กับองค์กร พวกเขาสร้างความร่วมมือและทำงานร่วมกับคนอื่น เรียนรู้จากผู้อื่น พร้อมที่จะเสี่ยงและเรียนรู้จากความผิดพลาด ไม่ใช่แค่เพียงแต่จ้องจะวิพากษ์วิจารณ์จับผิดผู้อื่น กล่าวโดยสรุป Knowledge Workers ก็คือคนที่แก้ปัญหา ใช้สติปัญญาไม่ใช่งานแรงงานหรือธุรการงานประจำ พวกเขาต้องการความอิสระในการปฏิบัติงานสูง ใส่ใจต่อคุณภาพของการตัดสินใจและการใช้วิจารณญาณ มีความรู้พื้นฐานที่คนอื่นเลียนแบบได้ยาก สามารถในการแยกแยะ สร้าง ใช้ และพัฒนาข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนองค์ความรู้ให้มีความลึกซึ้งขึ้นกว่าเดิม เพื่อผลประโยชน์คือความสำเร็จขององค์กร

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

ประโยชน์ของสินทรัพท์ความรู้ (Leverage of knowledge asset) คือ อะไร?

Leverage of knowledge asset

Leverage of knowledge assetKnowledge asset  คือ ความรู้ที่สร้างขึ้นมาได้จาก SECI  ( SECI คือกระบวนการสร้างความรู้ ) Knowledge asset  แบ่งเป็น 4 แบบ

1. Experimental - ความรู้แบบ tacit ที่เกิดจากประสบการณ์ในการทำงาน และสายสัมพันธ์ระหว่างพนักงาน ลูกค้า คู่ค้า ฯลฯ ได้แก่: ทักษะในการทำงานของแต่ละคน, ความรักในการทำงาน, passion
2. Conceptual - ความรู้แบบ explicit ที่แสดงออกผ่านภาพลักษณ์ สัญลักษณ์ และภาษา ได้แก่: คอนเซปต์ผลิตภัณฑ์, ดีไซน์, แบรนด์
3.  Routine - ความรู้แบบ tacit ที่วนๆ เป็นรูทีนอยู่ในองค์กร เช่น ทักษะในการทำงานของทีม วิธีหรือขั้นตอนการทำงานในองค์กร วัฒนธรรมองค์กร
4. Systemic - ความรู้ explicit ที่จัดทำเป็นแพกเกจ เช่น เอกสาร คู่มือ สเปก database สิทธิบัตร

ที่มาข้อมูล : http://theharmonious.blogspot.com/2012/02/km.html

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Knowledge Sharing) คือ อะไร?

การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Knowledge Sharing) 

     การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Knowledge Sharing) คือ การที่กลุ่มคนที่มีความสนใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่งร่วมกัน  มารวมตัวกันและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ด้วยความสมัครใจ เพื่อร่วมสร้างความเข้าใจหรือพัฒนาแนวปฏิบัติในเรื่องนั้นๆ

 องค์ประกอบหลักที่สำคัญๆ ของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Knowledge Sharing) มีอยู่ด้วยกัน 3 องค์ประกอบ ได้แก่

คน (People) – ถือว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นแหล่งศูนย์รวมของความรู้ที่สมควรนำออกมาแบ่งปันเป็นอย่างยิ่ง โดยก็ควรจะเป็นคนที่มีความรู้จากการปฏิบัติจริง และอยากจะมาแบ่งปันและแลกเปลี่ยนความรู้นั้น ด้วยความเต็มใจ
สถานที่ และบรรยากาศ  (Place) – เป็นองค์ประกอบที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่จะทำให้การแลกเปลี่ยนเรียนรู้มีชีวิตชีวาและน่าสนใจ เพราะสถานที่และบรรยากาศที่ดี (สบายๆผ่อนคลาย) มีความเหมาะสมกับแต่ละกลุ่มคน จะทำให้คนเหล่านั้นมาเจอกันพูดคุย ปรึกษา วิเคราะห์ปัญหา  แบ่งปัน และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันอย่างสบายใจ
สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ (Infrastructure) - เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่ช่วยให้การแบ่งปันและแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกิดได้ง่ายและสะดวกขึ้น เช่น กระดานสำหรับเขียน คอมพิวเตอร์สำหรับการสรุปและจัดเก็บความรู้รวมถึงการแบ่งปัน (Share) หรือการส่งต่อข้อมูล



  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

กลยุทธ์การจัดการความรู้ (Knowledge  strategy) คือ อะไร?

Knowledge  strategy  คือ กลยุทธ์การจัดการความรู้


แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
   
1.  Codification Strategy มีวัตถุประสงค์ที่จะรวบรวมความรู้ จัดเก็บไว้ในฐานข้อมูล และนำออกใช้อย่างเป็นหมวดหมู่ในรูปที่เป็น Explicit Knowledge ซึ่งการนำ Explicit Knowledge มาใช้ซ้ำผ่านกระบวนการจัดการเช่นนี้จะสามารถประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย การออกแบบฐานข้อมูล การบริหารงานเอกสาร และสายการจัดการเพื่อการใช้ข้อมูล จัดเป็นส่วนหนึ่งของ Codification Strategy ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสำหรับองค์กรที่กลยุทธ์ทางธุรกิจมีความต้องการใช้ซ้ำความรู้ที่มีอยู่
   
2. Personalization Strategy เน้นที่การนำ IT มาช่วยบุคคลสื่อสารความรู้ระหว่างกัน มีวัตถุประสงค์ที่จะถ่ายโอน สื่อสาร และแลกเปลี่ยนความรู้ผ่านเครือข่ายความรู้เช่นการอภิปราย หากองค์กรใดมีกลยุทธ์ทางธุรกิจที่จะสร้างคำตอบใหม่ๆหรือเป็นการเฉพาะให้กับลูกค้าหรือเป็นการสร้างนวัตกรรม องค์กรนั้นควรเลือกกลยุทธ์การจัดการความรู้ประเภท Personalization Strategy มากกว่า Codification Strategy

ที่มาข้อมูล : http://www.oknation.net/blog/print.php?id=530498

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

Blogger Templates


Blogger Templates

http://www.hackublog.com/2010/06/31-cool-blogger-templates.html
http://btemplates.com/
http://www.premiumbloggertemplates.com/
http://www.bloggertemplates4you.com/
http://www.thesimplexdesign.com/
http://www.deluxetemplates.net/
http://besttheme.net/
http://www.zoomtemplate.com/
http://www.allblogtools.com/

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

เอซุส ปล่อยอัพเดต Android 4



เอซุส ปล่อยอัพเดต
Android 4.4 Kitkat ให้ ZenFone แล้วอย่างเป็นทางการ ลูกเล่นใหม่เพียบ

ข่าวดีสำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟนของเอซุสตระกูล ZenFoneล่าสุดทางผู้ผลิตได้ปล่อยอัพเดตระบบปฏิบัติการแอนดรอยส์ออกมาให้อัพ เดตกันได้แล้วแบบ OTA (Over-The-Air)

โดยการอัพเดตในครั้งนี้ จะมาพร้อมกันทั้ง ZenFone 4, และ รายละเอียดสำคัญของการอัพเกรด ASUS ZenUI KitKat 
1.               อัพเกรดเป็น Android 4.4 KitKat
2.               ฟีเจอร์ใหม่
1.               เพิ่มโหมด Do Not Disturb
2.               ระบบจะเลือก SIM card อัตโนมัติในการโทรกลับ (สำหรับรุ่น dual SIM เท่านั้น)
3.               Full dual standby with two SIM cards (สำหรับรุ่น dual SIM เท่านั้น)
4.               Filter effects สำหรับวีดีโอ
3.               พัฒนาประสิทธิภาพ Miracast และรองรับ DLNA protocol
4.               ปรับปรุงการทำงานของแบตเตอรี่
การปรับปรุงและพัฒนาระบบ
System
  • เพิ่มปุ่ม Quick Setting ใหม่ : Do Not Disturb mode
  • ปรับแอปพลิเคชั่น Quick Tool Box
  • ปรับปรุง Easy Mode: Contacts, Call Log, Dialer และ Messaging สามารถใช้งานใน Easy Mode
  • ปรับปรุง ASUS ZenUI Launcher: สามารถแสดง Missed calls, unread e-mails และ unread messages จาก VIP contacts
Phone & Messaging
  • เพิ่มโหมด Do Not Disturb
  • ระบบจะเลือก SIM card อัตโนมัติในการโทรกลับ (สำหรับรุ่น dual SIM เท่านั้น)
  • Full dual standby with two SIM cards (สำหรับรุ่น dual SIM เท่านั้น)
Camera and Photo editing
  • สามารถเปิด Image Stabilization ขณะมือสั่นโดยอัตโนมัติ
  • Filter effects สำหรับวีดีโอ
พัฒนา ASUS Gallery
  • ปรับปรุงการแสดงผลแนวนอนในสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต
  • เพิ่มฟีเจอร์ MicroFilm
  • เพิ่มฟีเจอร์ video rotation
Applications
  • ฟีเจอร์ใหม่: Data Transfer ช่วยให้สามารถโอนถ่ายข้อมูลจากอุปกรณ์อื่นสู่ผลิตภัณฑ์เอซุสได้อย่างง่ายดาย
  • Omlet Chat เพิ่ม “Bbbler Actors” emoticons
  • เพิ่มฟีเจอร์ PC Link และ Remote Link (ZenFone 4)
  • FM Radio ค้นหาสถานีโดยอัตโนมัติ, ค้นหาคลื่นด้วยตนเอง, รองรับ Program Service & Radio Text of RDS
  • เพิ่ม live wallpaper – MyWater (ZenFone 5 และ ZenFone 6)
What’s Next
  • รองรับฟอแมต 24-hour
  • สามารถปรับแต่ง widget transparency
  • ปัดหน้าจอเพื่อ skip cards
  • เพิ่มปุ่ม Quick Action สู่การแจ้งเตือน What’s Next
Flip Cover
  • เพิ่ม Calendar reminder

 ข้อมูลสำคัญ


1.               เมื่ออัพเกรดเป็น Android 4.4 แล้ว บริการในโซเชียลและคลาวน์บนแอปพลิเคชั่นของเอซุสจะถูกแทนที่โดย ASUS ZenUI Service ซึ่งคุณจะถูกขอให้อนุญาต ASUS ZenUI Service เข้าถึงและรวบรวมข้อมูลของคุณใน ASUS Gallery, ASUS Music, ASUS File Manager, ASUS Contacts และ ASUS Calendar
2.               การตั้งค่าใน ASUS Gallery จะถูกคืนค่าดั้งเดิมหลังจากอัพเกรด
3.               การอัพเกรดจะไม่ลบข้อมูลของคุณ แต่ควรสำรองข้อมูลของคุณก่อนการอัพเกรดไว้อยู่เสมอ
4.               เนื่องจากไฟล์มีขนาดใหญ่ ควรอัพเกรดผ่าน Wi-Fi
5.               หากมีข้อสงสัยในการอัพเกรด โปรดติดต่อศูนย์บริการเอซุส
เมื่อ ZenFone ของท่านได้รับการอัพเกรดเป็น ASUS ZenUI KitKat แล้ว จะสามารถสัมผัสได้ถึงประสิทธิภาพการประมวลผลที่ดีขึ้น สามารถจัดการ RAM ให้เหลือใช้งานหลายๆ แอปฯพร้อมกันได้อย่างสบายๆ เพิ่มลูกเล่นต่างๆที่น่าสนใจ เช่น โหมด Do Not Disturb ที่จะช่วยให้ค่ำคืนการนอนหลับที่แสนสบายของคุณไม่ถูกรบกวน และ Filter effects สำหรับวีดีโอ ที่ช่วยให้การบันทึกภาพเคลื่อนไหว สนุกสนาน ได้อารมณ์กว่าที่เคย การโอนถ่ายข้อมูลจากอุปกรณ์อื่นสู่ผลิตภัณฑ์เอซุสทำได้ง่ายขึ้นด้วย Data Transfer นอกจากนี้ PC Link ยังสามารถใช้งานใน ZenFone 4 เพื่อต่อจอแสดงผลกับคอมพิวเตอร์ได้สะดวกขึ้น รวมไปถึงฟีเจอร์และโหมดต่างๆที่เพิ่มเข้ามาอย่างมากมาย

Android 4.4 KitKat จะช่วยให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกับคุณสมบัติที่มีประโยชน์ใหม่ๆ เช่น ความสามารถในการโทรและค้นหาเสียงอย่างชาญฉลาด, ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานมัลติทาสกิ้ง, เพิ่มประสิทธิภาพของ RAM, อินเตอร์เฟซที่เรียบง่าย, โหมดการถ่ายภาพใหม่แบบ HDR+ และคุณสมบัติอื่นๆที่น่าสนใจอีกมากมาย นอกจากนี้ยังมี ZenUI ที่รวบรวมลูกเล่นพิเศษจากเอซุสที่มีมากกว่า 1,000 อย่าง โดยปรับปรุง ให้ใช้งานง่าย ทันสมัย​  ทำให้ผู้ใช้สามารถสัมผัสการจัดการที่น่าสนใจ เพื่อความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน

แหล่งที่มา : 
http://news.thaiware.com/5012.html

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

บทเรียนราคาแพงของ Baidu



รอบเดือนสองเดือนที่ผ่านมา ประเด็นร้อนที่สุดในวงการไอทีไทยคงหนีไม่พ้นผลิตภัณฑ์
Baidu PC Faster ก่อนอื่นผมต้องเล่าที่มาที่ไปสักเล็กน้อยครับ Baidu หรือ ไป่ตู้เป็นบริษัทไอทีรายใหญ่จากประเทศจีน เติบโตมาจากการทำเว็บค้นหาภาษาจีน และประสบความสำเร็จจนกลายเป็นเว็บเบอร์หนึ่งของประเทศจีน (เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่กูเกิลเจาะไม่เข้า) เมื่อ Baidu ประสบความสำเร็จจากระบบค้นหา ก็ได้เวลาแตกลูกแตกหลานผลิตภัณฑ์มากมาย ส่วนใหญ่เป็นบริการบนเว็บลักษณะเดียวกับกูเกิล แต่บริษัทก็ทำซอฟต์แวร์แบบดั้งเดิมที่ติดตั้งลงบนพีซีหลายตัว เช่น Baidu Browser, Baidu Antivirus เป็นต้น แถมภายหลังก็หันไปทำซอฟต์แวร์บนมือถือ โดยดัดแปลงระบบปฏิบัติการ Android ในชื่อใหม่ว่า Baidu Yi อีกด้วย นอกจากนี้ Baidu ยังเริ่มขยายกิจการออกมานอกประเทศจีนกับเขาบ้าง และหนึ่งในประเทศเป้าหมายของ Baidu คือ ประเทศไทยของเรานี่เองครับ ยุทธศาสตร์การทำตลาดไทยของ Baidu ไม่ได้เริ่มจากเว็บค้นหา (เหตุผลหลักคงเป็นเรื่องภาษา และบ้านเราเป็นประเทศที่กูเกิลเข้มแข็งมาก) แต่เริ่มจากเว็บพอร์ทัลชื่อ Hao123 และซอฟต์แวร์ช่วยปรับแต่งประสิทธิภาพพีซี Baidu PC Faster

ปัญหาของ Baidu คือกลยุทธ์ด้านการตลาดในไทยใช้วิธีค่อนข้าง ยัดเยียดให้ใช้บริการของตัวเอง เช่น แถมโปรแกรม PC Faster หรือตัวช่วยพาเข้าเว็บ Hao123 มากับโปรแกรมแจกฟรีชื่อดังหลายๆ ตัว ถ้าตอนติดตั้งโปรแกรมแล้วผู้ใช้ไม่ค่อยระวัง ก็จะได้ PC Faster หรือ Hao123 มาโดยไม่ตั้งใจพอได้โปรแกรมตัวใดตัวหนึ่งในสองตัวข้างต้นมาแล้ว การลบออกจากเครื่องก็ไม่ง่าย ไม่สามารถกดปุ่ม Uninstall ตามปกติแล้วจบ เพราะโปรแกรมของ Baidu ฝังตัวเองแนบแน่นเข้ากับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ และต้องใช้วิธีพิเศษในการถอนโปรแกรมออกจากเครื่องแบบหมดจด (รายละเอียดมีเยอะคงไม่กล่าวถึงในที่นี้ มีคนเขียนคู่มือและวิธีการไว้เยอะแล้ว ค้นหาเองได้ไม่ยากนะครับ) นอกจากนี้ ในกรณีของโปรแกรม Baidu PC Faster ยังมีผู้ใช้งานชาวไทยจำนวนหนึ่งรายงานว่า การติดตั้งโปรแกรมนี้ทำให้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์รวน เพราะ PC Faster เข้ามาปรับแต่งค่าของระบบ (เพื่อให้ประสิทธิภาพดีขึ้น) จนระบบเพี้ยน อันนี้ผมลองแล้วยังไม่เจอกับตัวเอง แต่ก็คิดว่าเหตุผลเป็นเพราะค่าคอนฟิกของวินโดวส์ในแต่ละเครื่องมีโอกาสแตก ต่างกันเยอะมาก ตามพฤติกรรมและโปรแกรมที่ติดตั้งไว้ในเครื่อง ดังนั้น มีโอกาสสูงที่ Baidu จะไม่เข้าใจค่าบางตัวจากโปรแกรมบางประเภท พอไปปรับเปลี่ยนค่าพวกนี้ย่อมทำให้เครื่องทำงานเพี้ยน เมื่อโปรแกรมของ Baidu มีปัญหาในเชิงการทำงาน และบริษัทใช้กลยุทธ์การแจกจ่ายโปรแกรมที่ค่อนข้าง บุกรุกคุกคามคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ ปัจจัยพวกนี้สะสมกันมากๆ เข้า เลยพลอยให้ภาพลักษณ์ของ Baidu เรียกได้ว่า เละไปแล้วในหมู่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ชาวไทยจำนวนไม่น้อย (ลอง search คำว่า Baidu ในพันทิป หรือเว็บไซต์ไอทีหลายๆ แห่งดูได้ครับ) เท่าที่ผมลองประเมินดู หลังมีกรณี PC Faster แล้ว ผู้ใช้จำนวนไม่น้อยให้คุณค่ากับแบรนด์ Baidu ในทางติดลบอย่างรุนแรง ชนิดว่า Baidu ออกผลิตภัณฑ์อะไรมาอีก (ที่ไม่เกี่ยวข้องกับ PC Faster หรือ Hao123 เลย) ก็จะถูกตั้งแง่ไว้ก่อนว่า ทำเครื่องพังหรือ ยัดเยียดอีกหรือเปล่า เรื่องนี้ถือว่าน่าเสียดายมากนะครับ เพราะ Baidu ไม่ใช่บริษัทไก่กาที่ไหน แต่เป็นเว็บค้นหาอันดับหนึ่งของจีน มีรายได้ปีละเป็นหมื่นล้านหยวน แถมยังเป็นบริษัทมหาชนที่ขายหุ้นอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ของอเมริกา การสร้างแบรนด์ของบริษัทเหล่านี้ให้คนรู้จักและยอมรับไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สถานะตอนนี้ของแบรนด์ Baidu ในไทยกลับเสียหายไปมาก เพราะกลยุทธ์การตลาดของผลิตภัณฑ์แค่บางตัวเท่านั้นเอง


ผมยังคิดไม่ออกเหมือนกันว่า Baidu จะกู้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ในหมู่ผู้ใช้ชาวไทยกลับมาได้อย่างไร (คงต้องเป็นหน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและการสร้างแบรนด์) ตรงนี้ก็ได้แต่หวังว่า Baidu จะรีบปรับเปลี่ยนนโยบายการทำตลาดของตัวเอง และกลับมาเป็นที่ยอมรับของผู้ใช้งานชาวไทยได้สำเร็จครับ

แหล่งที่มา : 
http://www.thairath.co.th/content/441541

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

เทคนิคง่ายๆ ช่วยยืดอายุแบตเตอรี่สมาร์ทโฟน



เดี๋ยวนี้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ที่ออกมาในปัจจุบัน มักออกแบบมาไม่ให้ผู้ใช้ถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่เองได้ หากแบตเตอรี่เสื่อม ต้องส่งเข้าศูนย์ซ่อมอย่างเดียว ดังนั้นเราควรถนอมดูแลแบตเตอรี่กันให้ถูกวิธี เพื่อให้มันอยู่กับเราได้นานที่สุดตามอายุการใช้งานของมัน หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าพฤติกรรมที่ทำอยู่อาจทำให้แบตเตอรี่ของเราเสื่อมอายุ การใช้งานรวดเร็วกว่าที่มันควรจะเป็น ลองดูข้อมูลใน Infographic ด้านล่างนี้ แล้วเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้งานของเราดูนะครับ รับรองว่าสมาร์ทโฟนของเราจะไม่มีปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมก่อนเวลาอันควรอย่าง แน่นอน อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างย่อมมีวันเสื่อมถอยตามอายุการใช้งานของมัน ไม่ว่าจะถนอมแบตเตอรี่ขนาดไหนมันก็จะเริ่มเก็บพลังงานได้น้อยลงภายในระยะ เวลา 2-3 ปี ตามลักษณะการใช้งานของเรา ถึงเวลานั้นก็คงต้องพาเครื่องไปเข้าศูนย์เปลี่ยนแบตเตอรี่เท่านั้นครับ

แหล่งที่มา :  
  http://news.thaiware.com/4928.html


  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

ตำรวจดูไบเตรียมเท่ สวม Google Glass สืบคดี


        ตำรวจดูไบทำเก๋ เตรียมดึง Google Glass มาใช้สืบสวนคดี หวังพึ่งเทคโนโลยีจดจำใบหน้า (Facial Recognition Technology) ช่วยวิเคราะห์ใบหน้าผู้ต้องสงสัย หรือบุคคลที่ทางการต้องการตัว
     
       ความสามารถของกูเกิลกลาสเป็นที่ต้องตาตำรวจดูไบขึ้นมาแล้ว โดยเทคโนโลยีพื้นฐานของแว่นที่มีการติดตั้งจอคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่ด้านมุม บน และตัวแว่นที่สามารถถ่ายภาพ บันทึกวิดีโอ และเล่นไฟล์เสียงได้นั้น ได้ทำให้หน่วยงานอย่าง Dubai Police สนใจ และหวังนำมาช่วยลดปัญหาด้านอาชญากรรม
     
       โฆษกของ Dubai Police ได้ออกมายืนยันถึงความคืบหน้าดังกล่าวผ่านทางสำนักข่าวรอยเตอร์ โดยระบุว่า มีการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับใช้ร่วมกับแว่นกูเกิลกลาสโดยทีมของ Dubai Police ที่ช่วยเชื่อมต่อฐานข้อมูลของบุคคลที่ทางการกำลังต้องการตัว เข้ากับแว่นของกูเกิล เพื่อให้ตำรวจที่สวมแว่นดังกล่าวสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ได้ โดยระบบจะทำการเตือนให้เจ้าหน้าที่ทราบทันทีหากมันสามารถตรวจจับบุคคลต้อง สงสัยที่มีในฐานข้อมูลได้ผ่านเทคโนโลยีดังกล่าว
     
       สำหรับการใช้งาน ในระยะแรกจะนำไปใช้ในด้านการละเมิดกฎหมายจราจร ส่วนระยะที่สอง จะพัฒนาเทคโนโลยีให้นำไปใช้ในการสืบสวนคดี
     
       ในโลกการ์ตูนสืบสวนอาจมีตัวเอกอย่างโคนัน หรือคินดะอิจิ แต่ในโลกแห่งเทคโนโลยี นี่อาจเป็นครั้งแรกที่ Wearable Tech เข้ามารับบทผู้ไขคดีต่างๆ ก็เป็นได้


แหล่งที่มา :  
http://www.manager.co.th/cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9570000114649


  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

10 สุดยอดโปรแกรมป้องกันไวรัส ฟรี!



1. Kaspersky Free Antivirus

          Kaspersky
โปรแกรมป้องกันไวรัสที่หลายคนคุ้นเคยและได้รับความนิยมในเรื่องของการ ป้องกันไวรัสที่มีคุณภาพ Kaspersky ถือเป็นโปรแกรมป้องกันไวรัสที่มีฟีเจอร์การทำงาน ครอบคลุมการปกป้องคอมพิวเตอร์จากไวรัส ด้วยคุณสมบัติป้องกันแบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็น ไวรัส, สปายแวร์, มัลแวร์ , โทรจัน, เวิร์ม, rootkist, botnets เป็นต้น และเสริมความแข็งแรงด้วยฟีเจอร์ Firewall เพื่อป้องกันการโจมตีจากแฮกเกอร์ สามารถไปดาวน์โหลด ได้ที่ Kaspersky Lab โดยโปรแกรมเป็นแบบฟรี  Trial สามารถใช้งานได้ 30 วัน 

2. Avast Free Full Antivirus

          Avast Antivirus
โปรแกรมป้องกันไวรัสอีกตัว ที่หันมาพัฒนาแอนตี้ไวรัสแบบฟรีแวร์อย่างต่อเนื่อง มาพร้อมกับคุณสมบัติป้องกันไวรัสพื้นฐานและความปลอดภัยกับการทำงานรวดเร็ว ป้องกันไวรัส สปายแวร์ และยังมีเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล การรักษาความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ สามารถใช้งานได้บนระบบปฏิบัติการ 32-bit และ 64-bit

3. Norton AntiVirus 2012

          Norton
โปรแกรมป้องกันไวรัสที่โลดแล่นอยู่ในวงการแอนตี้ไวรัสมานาน ถึงแม้จะถูกผู้พัฒนาโปรแกรมป้องกันไวรัสเจ้าอื่น ๆ ยึดตำแหน่งไปครอง แต่ทาง Norton ก็ยังคงพัฒนาโปรแกรมป้องกันไวรัสของตัวเองให้ทันยุคทันสมัย เพิ่มคุณสมบัติการทำงานของโปรแกรมใหม่ ๆ เช่น เชื่อมต่อกับเฟซบุ๊กเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย จัดการมัลแวร์ที่แอบแฝงอยู่บนเว็บไซต์ต่าง ๆ เป็นต้น Norton ยังคงให้ความสำคัญกับผู้ใช้งานทุกระดับ หากสนใจสามารถดาวน์โหลด Norton AntiVirus 2012 เวอร์ชั่นล่าสุดแบบ  Trial ทดลองใช้งาน 30 วัน

4. Microsoft Security Essentials

          Microsoft Security Essentials
หรือ MSE โปรแกรมป้องกันไวรัสหน้าใหม่จากไมโครซอฟท์ที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน และกลายเป็นโปรแกรมป้องกันไวรัสยอดนิยมเพราะเป็นฟรีแวร์ที่แจกจ่ายฟรีไม่มี ข้อผูกมัด  คุณสมบัติต่าง ๆ ของ Microsoft Security Essentials ก็ไม่ได้น้อยหน้าโปรแกรมป้องกันไวรัสเจ้าอื่น ๆ มาพร้อมกับการปกป้องคอมพิวเตอร์ของคุณจากไวรัส สปายแวร์ มัลแวร์และอื่น ๆ ที่เป็นอันตรายด้วยการรักษาความปลอดภัยและการทำงานที่มีประสิทธิภาพ




5.
AVG Free Anti-Virus

          AVG
โปรแกรมป้องกันไวรัสที่ดีอีกตัวนึงในตลาดโปรแกรมป้องกันไวรัส ด้วยความไว้วางใจจากผู้ใช้งาน 98 ล้านคนทั่วโลก AVG มีการพัฒนาที่ทันสมัยอยู่เสมอและที่สำคัญเป็นโปรแกรมฟรีแวร์ ที่แจกจ่ายให้ใช้งานกันแบบฟรี ๆ สำหรับคุณสมบัติการป้องกันไวรัสเรียกได้ว่าครอบคลุมการทำงาน ช่วยปกป้องคอมพิวเตอร์ของคุณ ให้ห่างไกลไวรัส สปายแวร์ มัลแวร์ รวมไปถึงตรวจสอบและรักษาความปลอดภัยการใช้งานเว็บเครือข่ายสังคมออนไลน์

6. Comodo Free Antivirus

          Comodo Antivirus
ถือเป็นโปรแกรมป้องกันไวรัสที่มีรางวัลการันตีการป้องกันไวรัสที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับผู้ใช้งานโดยออก Comodo Free Antivirus เป็นโปรแกรมฟรีแวร์แต่มาพร้อมกับคุณภาพและคุณสมบัติการป้องกันไวรัส ไม่ว่าจะเป็น ไวรัส โทรจัน สปายแวร์ และ Firewall ที่แข็งแกร่ง การรักษาความปลอดภัยที่แข็งแรง หากกำลังมองหาโปรแกรมป้องกันไวรัสที่พร้อมไปด้วยฟีเจอร์ต่าง ๆ แบบตัวเดียว Comodo Antivirus เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่คุณไม่ควรมองข้าม

7. McAfee Free Antivirus

          McAfee
โปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมในซอฟต์แวร์รักษาความ ปลอดภัยและเป็นโปรแกรมป้องไวรัสที่มีคุณสมบัติโดดเด่นที่ทำให้การป้องกัน ไวรัส สแกนรักษาความปลอดภัยที่น่าสนใจ ด้วยอินเตอร์เฟซของโปรแกรมที่ใช้งานง่าย ทำให้ผู้ใช้งานหลายคนจึงเลือกใช้งาน  McAfee เป็นโปรแกรมป้องกันไวรัส ปกป้องข้อมูลสำคัญประจำคอมพิวเตอร์ โปรแกรมเป็นแบบฟรี Trial ทดลองใช้งาน 30 วัน

8. Trend Micro Free Full version Antivirus

          Trend Micro
เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมป้องไวรัสและป้องกันสปายแวร์ที่ดีอีกตัว พร้อมกับคุณสมบัติการทำงานที่ครอบคลุมการใช้งาน สามารถทำงานร่วมกับ Windows XP/ Windows7 และ Windows Vista ได้อย่างมีประสิทธิภาพนอกเหนือจากนี้แล้ว Trend Micro ก็ยังพัฒนาโปรแกรมป้องกันไวรัสสำหรับโทรศัพท์ด้วยความใส่ใจผู้ใช้งานทุกรูป แบบ โปรแกรมเป็นแบบฟรี Trial ทดลองใช้งาน 30 วัน



9.
Avira Free Antivirus

          Avira Antivirus
หรือที่รู้จักกัน คือ "ร่มแดง" เนื่องจาก โปรแกรมนี้ใช้สัญลักษณ์ ร่มแดง นั้นเอง โปรแกรมตัวนี้ถือได้ว่าเป็นซอฟต์แวร์ แอนตี้ไวรัสที่มีคุณภาพและได้รับความนิยมอย่างมาก กับประสิทธิภาพการทำงานและเทคโนโลยีชั้นสูงที่มีผู้ใช้งานทั่วโลก ความสามารถไม่ได้น้อยหน้าโปรแกรมป้องกันไวรัสเจ้าอื่น ๆ ด้วยการป้องกันไวรัสได้มากกว่า 300,000 ชนิดและมีการอัพเดทข้อมูลอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ทันไวรัสใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และการใช้งานที่ง่ายรวมไปถึงใช้ทรัพยากรของคอมพิวเตอร์น้อย เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีคอมพิวเตอร์รุ่นเก่า ๆ

10. BitDefender Free Edition

          BitDefender
โปรแกรมป้องกันไวรัสที่มีคุณสมบัติครอบคลุมมากที่สุดทำให้การใช้งานทรัพยากร ของคอมพิวเตอร์ค่อนข้างเยอะ จึงทำให้ไม่เป็นที่นิยมมากนัก แต่ถ้าแลกกับคุณภาพและประสิทธิภาพการทำงานที่ได้นั้น ถือว่า BitDefender ทำงานได้ดีมากทีเดียว ด้วยฟีเจอร์การทำงาน รวมไปถึงเครื่องไม้เครื่องมือที่เข้ามาเสริมทัพ และข่าวดีก็คือ BitDefender ได้ออกโปรแกรมป้องกันไวรัสแบบฟรีแวร์ มาในชื่อ BitDefender Free Edition ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติการทำงานและป้องกันไวรัสขั้นพื้นฐานและมีประสิทธิภาพ ป้องกันในระดับนึง


แหล่งที่มา : 
http://men.kapook.com/view36780.html 

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS