สุดอึ้ง! ที่ชาร์ตแบตอัจฉริยะ

ตื่นตา ตื่นใจ เตรียมพบกับอุปกรณ์ใหม่ที่จะมาสร้างความดีใจแก่ขาแชท ขาแชร์ ขาสมาร์โฟนตัวแม่!! 

   
                        ส่วนตัวก็คิดว่าทุกคนประสบปัญหานี้นะคะ ปัญหาที่ว่ามานี้ก็คือเรื่องแบตมือถือนั่นเอง หมดไว ชาร์ตไม่เข้า ต้องนั่งรอเวลา แต่ในอนาคตในอีก1-2ปีข้างหน้าจะมีแบชตอัจฉริยะถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ จากข่าวที่นักวิจัยของทางประเทศสิงคโปร์เผยว่าได้ทำวิจัยเกี่ยวกับแบตมือถือที่มีความสามารถในการชาร์ไฟเพียง 2 นาทีเท่านั้น แบตก็ขึ้นมาถึง 70% ตะลึงกันเลยสิท่า ดูจากข่าวนี้คงจะสร้างความยินดีให้กับผู้ที่นิยมใช้สมาร์ทโฟนเป็นแน่ วันนี้จึงมีภาพและบทความตัวอย่างมาให้ได้ลองอ่านกันดู เผื่อใครจะเก็บหอมรอมริม พอสินค้าเปิดตัวจะได้ไปจับจ่ายมาไว้ใช้ส่วนตัวได้ทันท่วงที




เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2557 เว็บไซต์ phonearena.com ได้เปิดเผยเซลล์แบตเตอรี่ชนิดใหม่ที่คิดค้นโดยมหาวิทยาลัย Nanyang Technology ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเซลล์แบตเตอรี่ดังกล่าวสามารถชาร์จไฟได้ถึง 70% ภายในเวลาเพียง 2 นาทีเท่านั้น อีกทั้งยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานถึง 20 ปีเลยทีเดียว ด้วยการใช้วิธีเร่งปฏิกิริยาทางเคมีภายในเซลล์ของแบตเตอรี่

เซลล์แบตเตอรี่ดังกล่าวใช้ไทเทเนียมไดออกไซด์เป็นขั้วแอโนด แทนที่จะใช้กราไฟต์เหมือนกับแบตเตอรี่ทั่วไปที่ใช้กันในปัจจุบัน ซึ่งมีผลให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น โดยสามารถชาร์จได้ถึง 10,000 ครั้ง จากปกติที่สามารถชาร์จได้ 500 ครั้ง นอกจากนี้ไทเทเนียมไดออกไซด์ที่ใช้นั้นยังมีราคาถูกและผลิตได้ง่ายกว่า เนื่องจากวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตนั้นสามารถหาได้ทั่วไปในดิน และถูกใช้ในเป็นสารปรุงแต่งอาหารหรือใช้เป็นตัวดูดซึมลำแสง UV ในสารกันแดด โดยใช้วิธีแปลงไทเทเนียมไดออกไซด์จากรูปทรงกลมให้เป็นท่อที่มีขนาดเล็กกว่าเส้นผ่านศูนย์กลางของเส้นผมมนุษย์ถึงพันเท่า ทำให้ปฏิกิริยาทางเคมีทำงานได้เร็วขึ้น


Credit : http://men.kapook.com/view101826.html

เขียนโดย จุฑารัตน์ เพ็ญเขตรกิจ 56119400086 Sec B1

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

ภัยจากโรคเบาหวาน

โรคเบาหวานเกิดจากความผิดปกติของร่างกายเนื่องจากผลิตอินซุลินไม่เพียงพอ ทำให้น้ำตาลในกระแสเลือดสูง ถ้าหากไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนขั้นรุนแรงเบาหวานแบ่งได้เป็น 2 ประเภท
ประเภทที่ 1. เกิดจากภูมิต้านทานทำลายเซลล์ซึ่งสร้างอินซูลิน ทำให้ตับอ่อนหยุดสร้างอินซุลิน ทำให้ผู้ป่วยเบาหวานประเภทนี้ต้องฉีดสารอินซุลิน
ประเภทที่ 2. เกิดจากพันธุกรรม ทำให้ตับอ่อนผลิดอินซูลินทำงานผิดปกติ ทำให้ดื้อต่ออินซูลิน
อาการเบื้องต้นของเบาหวาน1. กระหายน้ำ
2. อ่อนเพลีย
3. เบื่ออาหาร
4. สายตาพร่ามองไม่ชัด
5. ปัสสาวะกลางคืนบ่อย

ภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน

1.สายตา อาจทำให้ตามองพร่า จุดดำลอยๆ หรือทำให้ตาบอดได้2.ไต อาจเกิดสภาวะไตวาย3. ระบบประสาท เกิดอาการชาปลายมือปลายเท้าบ่อยๆ เพราะหลอดเลือดที่มาเลี่้ยงระบบประสาทหยุดทำงานทำให้เกิดอาการชา4.หลอดเลือดหัวใจ ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น เหนื่อยง่าย หรืออาจทำให้ตายได้จากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ5.หลอดเลือดสมอง ทำให้หลอดเลือดสมองทำงานหนัก เมื่อเกิดอาการเครียด อาจทำให้หลอดเลือดสมองแตกตายได้

นาย นพดล ศาลากิจ 56119400093 B1

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

เคล็ดลับผิวขาวกระจ่างใสไร้สิว


เคล็ดลับผิวขาวกระจ่างใสไร้สิว ทุกคนล้วนสนใจเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างก็ต้องการมีใบหน้าขาวใส เพราะใครๆก็คงอยากมีผิวขาวใสเนียนนุ่มกันอยู่แล้ว แต่วิธีทำให้ผิวขาวใสขึ้นอย่างทันที ถ้าไม่ฉีดกลูต้าหรืออัดวิตามินเพื่อผิวขาวใส หรือทาครีมบำรุงผิวยี่ห้อดังราคาแพงแล้ว จะยังมีวิธีทำให้ผิวขาวกระจ่างใสที่ปลอดภัยกับเราเต็ม 100% แบบธรรมชาติอยู่อีกไหม ถ้าใครกำลังมองหาเคล็ดลับเพื่อผิวขาวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติอยู่ เรามี 5  เคล็ดลับง่ายๆ ที่สามารถทำได้ทุกคน ดังต่อไปนี้….
1.     น้ำมะนาวเคลียร์ผิว ปัญหาสิวหายเกลี้ยง
น้ำมะนาวจะมีกรดซิตริก มีคุณสมบัติกำจัดเชื้อแบคทีเรียต้นเหตุของปัญหาสิวได้อยู่หมัดอยากเคลียร์ผิวให้กระจ่างใสไร้สิว สามารถใช้น้ำมะนาวทาบาง ๆ ให้ทั่วใบหน้า  และใช้น้ำมะนาวมาส์กหน้าเป็นประจำทุกสัปดาห์
2.   กินอย่างถูกต้อง
อาหารที่เรากินเข้าไปในแต่ละวัน มีส่วนสำคัญกับสุขภาพผิวมากกว่าการบำรุงผิวภายนอกซะอีก และหากเราไม่อยากมีผิวหมอง มีริ้วรอย และสิว ต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง นอกจากจะทำให้อ้วนแล้วยังเป็นผลเสียกับผิวเราอีก
3.     โปะน้ำแข็งลดเม็ดสิว
ใช้น้ำแข็งก้อนสะอาดประคบเม็ดสิว (มีข้อแม้ว่า สิวเม็ดนั้นต้องเป็นสิวเม็ดเล็ก ๆ ที่หัวสิวยังไม่เปิด) สักพัก ความเย็นของน้ำแข็งจะช่วยหยุดอาการอักเสบของสิวสิวก็จะมีขนาดเล็กลง รอยแดงก็จะดูจางลงไป
4.      ว่านหางจระเข้ปราบสิว
หลายคนอาจจะรู้จักสรรพคุณของว่านหางจระเข้ในเรื่องของการรักษาผิวไหม้จากแดด แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า เจลใส ๆ ของว่านหางจระเข้ก็มีสารต้านอาการอักเสบ ซึ่งสามารถรักษาสิว และสมานรอยแผลเป็นจากสิวได้อีกด้วย โดยผู้เชี่ยวชาญก็แนะนำให้ใช้เจลว่านห่างจระเข้สด ๆ แทนว่านหางจระเข้สกัด เพื่อหลีกเลี่ยงสารเจือปนที่อาจจะทำให้เกิดอาการแพ้
5.      ดื่มน้ำ
ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ จะทำให้ผิวขาวกระจ่างใส เพราะน้ำสะอาดจะช่วยชะล้างสารพิษที่ตกค้างในร่างกาย ทำความสะอาดเซลล์ผิวของเราได้ดีอีกทางหนึ่งเลยทีเดียว อย่าลืมดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ ดื่มน้ำสะอาดไม่ต่ำกว่า 8 แก้วต่อวัน


น.ส.วิภาภรณ์   ระจิตรัตนะ  56119400084 B1

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

มะกรูด สมุนไพรคู่ครัวไทย



      ประโยชน์ของมะกรูดมีมากมาย ทั้งนำมาประกอบอาหารแล้วยังสามารถนำมาเป็นยารักษาได้อีกด้วย อยากรู้ว่ามะกรูดมีดีอย่างไรบ้างมาดูกันเลย

1. ราก
    มีรสจืดเย็น สามารถช่วยแก้อาการไข้ ถอนพิษสำแดง แก้ลมจุกเสียด กระทุ้งพิษไข้ แก้พิษฝีภายใน และช่วยอาการเสมหะเป็นพิษ

2. ผิว
    สามารถช่วยแก้อาหารนอนไม่หลับได้ เป็นยาบำรุงหัวใจ ช่วยแก้อาการเป็นลม หน้ามืด วิงเวียนศีรษะ และช่วยขับลมในลำไส้


3. ใบ
     สามารถช่วยแก้ไอ แก้อาการอาเจียนเป็นเลือด ช่วยแก้อาการช้ำใน และใบมะกรูดยังอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนซึ่งมีส่วนช่วยในการชะลอการขยายตัวของเซลล์มะเร็งและช่วยต่อต้านมะเร็งได้
 
4. ผล
    สามารถช่วยแก้อาการไอ ขับเสมหะ ช่วยฟอกโลหิต ช่วยแก้อาการปวดท้อง นอกจากนี้น้ำจากผลมะกรูดยังสามารถใช้แก้อาการเลือดออกตามไรฟันได้อีกด้วย

     ประโยชน์ของมะกรูดยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะ ผลมะกรูดที่เราไม่ได้นำมารับประทานโดยตรงนั้นยังสามารถนำมาใช้ในการไล่ยุงและดับกลิ่นได้ รวมทั้งน้ำมะกรูดก็สามารถนำมาใช้ในการช่วยบำรุงผมให้เงางามได้อีกด้วย

       ถึงแม้มะกรูดจะเป็นพืชสมุนไพรที่ มีประโยชน์แต่ถ้าหากใช้น้ำมันมะกรูดสัมผัสกับผิวโดยตรง เมื่อไปถูกแสงแดดก็อาจจะทำให้เกิดอาการแพ้แสงแดดจนกลายเป็นแผลไหม้ได้ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย หากนำน้ำมะกรูดมาสัมผัสกับผิวแล้วล่ะก็ ภายในสี่ชั่วโมงไม่ควรให้บริเวณที่โดนน้ำมะกรูดถูกแสงแดดค่ะ

ที่มาข้อมูลเสริม : http://health.kapook.com/view97811.html

น.ส.พรพิมล สุขเกษม 56119400098 B1

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

กินของหวาน อย่างไรไม่ให้อ้วน

ของหวาน

   กินของหวาน อย่างไรไม่ให้อ้วน 

- ของหวาน เป็นที่ชื่นชอบของทุกเพศ ทุกวัยซึ่งทุกคนขาดหวานไม่ได้ แต่การที่เราจะกินไม่ให้อ้วนนั้น ควรมีเคล็บลับดีๆ ดังนี้

1. ควรรู้ปริมาณแคลอรี่ ของขนมหวานที่เรากิน ในขนมนั้นมีปริมาณเท่าไหน โดยดูได้จากฉลากข้อมูลข้างกล่อง ทั้งนี้ควรเลือกกินหรือซื้อขนม ชนิดที่มีไขมันส่วนประกิบน้อยที่สุด

2. ลดน้ำตาล ครีม ออกจากขนมก่อนกิน เช่น เกลี่ยวิปครีมที่อยู่หน้าไอศกรีมออก หรือไม่ใส่มาในไอศกรีม จะลดพลังงานได้ 160 แคลอรี่

3. ควบคุมการกิน กินอย่างละนิดพอให้รู้รสชาติ เช่น คุ้กกี้ 1-2 ชิ้น , ไอศกรีม 1ลูก คุณจะได้ชิมรสชาติได้ทั้งหมดโดยได้แคลอรี่แค่เพียงครึ่งเดียว

4. หลังกินเสร็จอย่านั่งอยู่กับที่ ควรเดินให้ย่อย ป้องกันไม่ให้ไขมันสะสม

5.  ควรออกกำลังกายช่วยในการเผาผลาญไขมันได้ดี ก่อนและหลังออกกำลังกายควรดื่มชาเขียวร้อนหรือน้ำอุ่นเพื่อเสริมควบคู่ไปด้วยกัน เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเราเอง


น.ส.กัลยา  บุญประเสริฐ 56119400083 B1

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

Cyborg Unplug แก็ดเจ็ตไฮเทค เตะคนออกจากวง Wireless networks ได้ตามใจชอบ





ถ้าเป็นกังวลว่าระบบเครือข่ายไร้สาย Wireless network ของเรากำลังถูกคุกคามการใช้งานจากบุคคลที่ไม่ต้องการอยู่ล่ะก็ แค่เสียบเจ้า Cyborg Unplug เข้ากับปลั้กไฟ กดเปิดเครื่อง เราก็สามารถเตะคนออกจากวงแลนได้แล้วแบบง่ายๆ

Cyborg Unplug ออกแบบการทำงานโดย Julian Oliver อาศัยหลักการทำงานของ ARP scanniing เข้าไปก่อกวน MAC addresses เพื่อยกเลิกคำรับรองความถูกต้องในการเข้าระบบของคนอื่น ออกแบบมาทำงานร่วมกับแอพฯบนสมาร์ทโฟน ให้เราเลือกเตะคนอื่นออกจากเครือข่ายได้อย่างง่ายดาย พร้อมปิดกั้นไม่ให้เชื่อมต่อเข้ามาอีกครั้งได้ด้วย






เริ่มวางจำหน่ายแล้วในราคา $50 ไม่แพงเท่าไหร่ หากเทียบกับความสามารถที่ได้ อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์ชนิดนี้หากใช้ในทางที่ผิด จะเข้าข่ายผิดกฏหมายได้นะครับ อย่างเช่น การไปนั่งร้านกาแฟ หรือใช้ในหอพัก แล้วเตะคนอื่นออกจากวงเพื่อใช้อินเตอร์เน็ตเพียงคนเดียว


อ้างอิง http://news.thaiware.com/5186.html

นายกมลภู เกียรติ์นีรนาท 56119400090 B1

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

การพัฒนาตนเองเพื่อความสำเร็จในชีวิต

การพัฒนาตนเองเพื่อความสำเร็จในชีวิต

1.การตื่นเช้า
ถ้าวันนี้เราอยากเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตไม่ว่าจะด้านไหนก็ตามเราควรให้ความสำคัญกับการตื่นเช้า เพราะเมื่อเราสามารถตื่นได้เช้าขึ้นเราจะสามารถมีเวลาทำสิ่งต่างๆได้มากขึ้น เช่น มีเวลาในการกำหนดตารางว่าวันนี้เราควรทำอะไรบ้างในแต่ละวันเพื่อไม่ให้เวลาที่มีทั้งวันนั้นสูญเปล่าไป

2.การอ่านหนังสือ
ถ้าวันนี้เราอ่านหนังสือน้อยนั่นหมายความว่าเราก็จะเป็นคนที่รู้น้อยเพราะสังเกตได้ว่าคนส่วนมากที่ประสบความสำเร็จในชีวิตนั้นเขาจะเป็นคนที่อ่านหนังสือเยอะและหลากหลาย การอ่านหนังสือทำให้เรารู้ในสิ่งที่เราไม่รู้ ทำให้เรารู้จักวิธีคิดของคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตได้ว่าพวกเขามีวิธีการคิดอย่างไร 

3.การออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญนอกจากจะทำให้เรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงแล้วนั้น ยังช่วยให้เราผ่อนคลายจากความเครียดในเรื่องต่างๆได้อีกด้วย ที่สำคัญคนที่ประสบความสำเร็จทุกคนจะต้องดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ

4.การจดบันทึกเรื่องราวดีๆ
เราควรฝึกการจดบันทึกเรื่องราวดีๆในชีวิตที่เราพบเจอที่เราทำแล้วรู้สึกประทับใจ และขอบคุณทุกคนที่ดีกับเราเพื่อที่เราจะได้รับรู้ว่าในแต่ละวันนั้นมักมีเรื่องราวดีๆเกิดขึ้นกับเราได้เสมอ

5.การทำตารางชีวิต
ถ้าวันนี้เราอยากเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตเราก็ต้องทำตารางชีวิตของเราในแต่ละวันให้ได้ เช่น ตื่นนอนกี่โมง ออกกำลังกายเท่าไร นั่งสมาธิเท่าไร สร้างแรงบันดาลใจ อ่านหนังสือ ฟังเพลง อ่านคำคม เป็นต้น

6.ตั้งคำถามกับตนเอง
ถ้าวันนี้เราอยากเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตเราต้องรู้จักการตั้งคำถามกับตนเองว่า วันนี้เราอยากเป็นอะไร เราอยากไปไหน ทำอย่างไรสิ่งที่เราคิดฝันไว้มันจะเป็นความจริง การสร้างแรงบันดาลใจเพราะแรงบันดาลใจคือสิ่งที่อยู่เหนือเหตุผลใดๆทั้งสิ้น ดังนั้นการตั้งคำถามกับตนเองเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้เราสามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้

7.การตรงต่อเวลา
การตรงต่อเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคนที่อยากประสบความสำเร็จในชีวิตเพราะการตรงต่อเวลานั้นแสดงถึงการมีความรับผิดชอบ การรู้หน้าที่ว่าวันนี้เราต้องสามารถใช้เวลาทุกวินาทีให้คุ้มค่าและมีค่ามากที่สุด

ผู้เขียน : นางสาวเพ็ญนภา    แนวสุข  รหัส 56119400081 

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

รายชื่อสมาชิกกลุ่ม

สมาชิกกลุ่ม ตอนเรียน B1

1. นายฉันทวัฒน์        สินธุสาร      รหัส 008
2. นางสาวเพ็ญนภา      แนวสุข       รหัส 081
3. นางสาวกัลยา        บุญประเสริฐ    รหัส 083
4. นางสาววิภาภรณ์      ระจิตรัตนะ     รหัส 084
5. นางสาวศรัณญา      นิยม          รหัส 085
6. นางสาวจุฑารัตน์     เพ็ญเขตรกิจ    รหัส 086
7. นางสาวภัทรสุดา     ธาตุทอง       รหัส 089
8. นายกมลภู          เกียรติ์นีรนาท   รหัส 090
9. นายนพดล          ศาลากิจ       รหัส 093
10.นายฉัตริน          สินธุสาร       รหัส 096
11.นางสาวพรพิมล      สุขเกษม      รหัส 098

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

Oppo เปิดตัว Oppo R5 สมาร์ทโฟน 64 บิต บางที่สุดในโลกแค่ 4.85 มม.


     Oppo เปิดตัว Oppo N3 สมาร์ทโฟนกล้องหมุนได้ รุ่นใหม่แล้ว Oppo R5 เป็นสมาร์ทโฟนที่เน้นการออกแบบ และวัสดุพรีเมียม ในรุ่นนี้อัพเกรดตัวเองเป็นสมาร์ทโฟนที่บางที่สุดในโลก ด้วยความบางเพียง 4.85 มม. เท่านั้น และยังเป็นสมาร์ทโฟนตัวแรกของ Oppo ที่รองรับ 64 บิตอีกด้วย Oppo R5 เปิดราคามาที่ 499$ หรือประมาณ 14,900 บาท แต่ยังไม่แจ้งวันวางขาย


     Oppo R5 มาพร้อมกับฟีเจอร์กล้องในระดับเดียวกับรุ่นท็อปอย่าง Oppo Find 7 ทั้งโหมด Ultra-HD ถ่ายภาพความละเอียด 50 เมกะพิกเซล,  After Focus ถ่ายก่อนโฟกัสทีหลัง รวมถึงมีอุปกรณ์เสริม O-Music สำหรับควบคุมเพลงแบบไร้สาย และใช้ถ่ายภาพได้ด้วย
สเปค Oppo R5
  • สี : Silver, Gold
  • ขนาด : 148.9 × 74.5 × 4.85 mm
  • น้ำหนัก : 155 g
  • ระบบปฏิบัติการ : ColorOS 2.0, based on Android 4.4
  • หน่วยประมวลผล : 1.5GHz Qualcomm Snapdragon 615 Octa-Core (MSM8939)
  • GPU : Adreno 330
  • RAM : 2 GB
  • ความจุ : 16GB
  • แบตเตอร์รี่ : 2000 mAh Li-Po battery with Rapid Charge
  • SIM Card : Micro SIM
  • ขนาดหน้าจอ : 5.5-inch
  • ความละเอียด : Full HD (1920 x 1080 pixels), 423 PPI AMOLED 16 million colors
  • กล้องหลัง : 13 ล้านพิกเซล Sony Exmor IMX214 BSI sensor
  • กล้องหน้า : 5 ล้านพิกเซล front-facing 83 degree wide angle lens
  • Flash : f/2.0 for both cameras
  • Scene modes : Normal, Ultra-HD, Colorful Night, Slow Shutter, Expert Mode, Beautify, HDR, Panorama, Audio Photo, GIF, Double Exposure, Raw, Super Macro, After Focus
  • ฟีเจอร์อื่นๆ : ถ่ายวิดีโอได้ระดับ 4K @ 30 fps, 1080p video @ 60 fps, 720p slow motion video @120 fps
  • อื่นๆ : SB OTG, Bluetooth 4.0, 5G Wi-Fi 802.11 b/g/n/a, Wi-Fi Direct, GPS
  • แบตเตอรี่จุ 2000 mAh รองรับการชาร์จไว VOOC


    ที่มาข้อมูล : http://www.1000tipsit.com/oppo-launched-oppo-r5-smart-phone-64-bit/

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

Microsoft อัพเกรดให้บริการพื้นที่บน OneDrive แบบไม่จำกัดจากเดิม 1TB สำหรับผู้ใช้บริการ Office 365 แล้ววันนี้

     เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2557 ที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ ได้ประกาศข่าวดีสำหรับผู้ใช้ Office 365  จะได้รับพื้นที่จัดเก็บข้อมูล (Cloud Storage)  บน OneDrive  แบบไม่จำกัด จากเดิม 1TB  โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่อย่างใด  เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป  โดย ลูกค้ากลุ่มแรกที่จะได้รับสิทธิ์นี้ คือ ผู้ใช้บริการแพ็กเกจ Office 365 Home, Personal และ University สำหรับผู้ใช้บริการแพ็กเกจแบบ OneDrive for Business  สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ Office 365 roadmap website โดยจะมีการทยอยอัพเดทในปี 2015

FB_20141031_09_07_55_Saved_Picture

     การประกาศเพิ่มพื้นที่แบบไม่จำกัดในครั้งนี้  นับเป็นอีกก้าวสำคัญของ OneDrive  โดยไมโครซอฟท์เชื่อว่าบริการ Cloud Storage จะมอบประโยชน์สูงสุดก็ต่อเมื่อสามารถเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถสร้างสรรค์และ ประสานความร่วมมือระหว่างกันได้ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว   ก้าวดังกล่าวเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ในการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมในการใช้งานทั้งในเรื่องชีวิตส่วนตัวและ การทำงานเพื่อช่วยให้ผู้คนสามารถที่จะจัดเก็บ ซิงก์ แชร์ และทำงานร่วมกันผ่านทั้งไฟล์สำคัญต่างๆ รูปภาพ หรือวิดีโอได้อย่างง่ายดาย และสามารถเข้าถึงได้ทุกที่ ทุกเวลา ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยและเป็นไปตามข้อกำหนดของหน่วยงานที่เข้มงวดที่สุด
ไมโครซอฟท์ ยังคงเดินหน้าในการทำให้ OneDrive กลายเป็นผู้นำระดับโลกด้านพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ (Cloud Storage)  และเป็นส่วนหนึ่งของบริการที่ดีสุดสำหรับผู้ใช้บริการ Office 365  อีกด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติมทั้งหมดสามารถเข้าไปดูได้ที่บล็อกของ OneDrive  และ  Office


ที่มาข้อมูล : http://www.itday.in.th/microsoft-%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%97/

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

Microsoft เปิดตัว Microsoft Band สายรัดข้อมืออัจฉริยะ

     วงการ Smart Watch เหมือนจะมีคู่แข่งดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ หลังจากล่าสุด Microsoft ได้เปิดตัว Microsoft Band ลงตลาดเป็นสายรัดข้อมืออัจฉริยะที่สามารถตรวจจับกิจกรรมของผู้ใช้ไม่ว่าจะ เดิน นอน วิ่ง รวมถึงตรวจจับการเต้นของหัวใจได้ด้วย สิ่งที่เหนือกว่า Smart Band ของบางเจ้าเห็นจะเป็นการที่มันมีหน้าจอสามารถดูเวลาได้ด้วย จึงเลือกยากอยู่เหมือนกันว่าจะให้มันเป็น Smart Band หรือ Smart Watch กันแน่

MicrosoftBand_Phone_RunMappingUI_RGB-2040.0

     ความน่าสนใจของ Microsoft Band อยู่ที่มันมีหน้าจอแจ้งเตือน Notification ได้เหมือน Smart Watch แต่ การใช้งานหลักๆของมันจะเน้นไปที่ Fitness Tracker เสียมากกว่า(นับก้าวเดิน นับการเต้นหัวใจ ฯลฯ) หากเป็นเช่นนั้นจริงก็ถือว่าเราคาค่อนข้างสูงทีเดียวเพราะ 199 เหรียญ(ราว 6,500) ถือเป็นราคาที่เลือกซื้อ Smart Band ตัวท๊อปของค่ายอื่นได้เลย แต่กลับกันมันก็ราคาถูกที่สุดเมื่อเทียบกับ SmartWatch เจ้าอื่นๆ จึงทำให้มันอยู่ตรงกลางระหว่าง Smart Band และ Smart Watch ไปโดยปริยาย

Microsoft_Band_Hero_2-2040.0

     Microsoft Band เริ่มวางจำหน่ายแล้วสามารถไปหาซื้อได้ที่อเมริกาในราคา 199 เหรียญ


ที่มาข้อมูล :  http://tech.mthai.com/gadget/43460.html

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

YouTube สนับสนุนวีดิโอความเร็ว 60 fps แล้ว

2014-10-30_110115

     ล่าสุดทางเว็บไซต์ YouTube สนับ สนุนความเร็วการเล่นวีดิโอในระดับ 60 fps เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ประกาศไว้เมื่อต้นปี โดยเพื่อนๆ สามารถใช้ฟังก์ชั่นนี้ผ่านบราวเซอร์ Chrome ได้ เท่านั้น โดยจะมีให้บริการในความละเอียดระดับ 720p ขึ้นไปเท่านั้น เมื่อลองชมเปรียบเทียบกับความเร็วระดับทั่วไปแล้ว 
     ลองไปชมคลิปตัวอย่างจากเกมส์ Mario Kart 8  ดูได้เลย (สามารถคลิกปรับได้ที่ Setting ในหน้าเว็บ youtube)
วิดีโอประกอบจาก Youtube
 
 ที่มาข้อมูล : http://news.thaiware.com/5116.html

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

กิจกรรมการเรียนรู้ขององค์กร

กิจกรรมการเรียนรู้ขององค์กร





  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ด้วยตนเอง


   แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ด้วยตนเอง

        การเรียนรู้ไม่ได้เกิดแค่เพียงภายในห้องเรียนแต่เพียงอย่างเดียวแต่อาจเกิดได้จากสถานการณ์ดังนี้
1.    การเรียนรู้ด้วยตนเอง (self-directed learning) เป็นการเรียนที่เกิดจากความอยากรู้ อยากเห็น ผู้เรียนจะมีการวางแผนด้วยตนเองในการเรียนว่าจะเรียนไปในแนวทางไหนจะให้ประสบผลสำเร็จ
2.       การเรียนรู้ที่จัดโดยสถาบันศึกษา (provide sponsored) โดยมีกลุ่มบุคคล จัดกำกับดูแล มีการให้คะแนน ให้ปริญญา หรือประกาศนียบัตร ซึ่งจะทำให้มีแรงบรรดาลใจและแรงผักดันในการตั้งใจเรีียน
3.       การเรียนรู้จากกลุ่มเป็นการเรียนรู้แบบไม่เป็นทางการ คือ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน (collaborative learning)  
4.       การเรียนรู้โดยบังเอิญ (random or incidental learning) อาจเป็นผลพลอยได้จากเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งที่ผู้เรียนมิได้เจตนา เช่นการเดินทางไปในที่ใดสักแห่งและได้รับความรู้ใหม่มาโดยบังเอิญ

         จะเห็นได้ว่า การเรียนรู้ด้วยตนเอง เป็นวิธีการเรียนรู้วิธีหนึ่งที่นักการศึกษาให้ความสำคัญและเป็นสิ่งที่ควรส่งเสริมให้มีขึ้นในตัวผู้เรียน เพราะเมื่อใดก็ตามที่ผู้เรียนมีใจรักที่จะศึกษาค้นคว้าตามความต้องการ ก็จะเกิดการศึกษาต่อเนื่องโดยไม่ต้องบอก และมีแรงกระตุ้นให้เกิดความอยากรู้อยากเห็นไม่สิ้นสุด ซึ่งจะนำไปสู่การเป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต หรือบุคคลแห่งการเรียนรู้ที่หยั่งยืน อันเป็นเป้าหมายสูงสุดของการศึกษา

ความสำคัญของการเรียนรู้ด้วยตนเอง

1.       บุคคลที่เรียนรู้ด้วยการริเริ่มของตนจะเรียนได้มากกว่า ดีกว่าบุคคลที่เป็นเพียงผู้รับหรือรอให้ผู้สอนถ่ายทอดวิชาความรู้ให้ บุคคลที่เรียนรู้ด้วยตนเอง จะเรียนอย่างตั้งใจ มีจุดมุ่งหมายและมีแรงจูงใจสูง สามารถใช้ประโยชน์จากการเรียนรู้ได้ดีกว่า และยาวนานกว่าบุคคลที่รอรับการสอนแต่อย่างเดียว
2.       การเรียนรู้ด้วยตนเอง มีความสอดคล้องกับกระบวนการทางธรรมชาติของจิตวิทยาพัฒนาการ เมื่อแรกเกิดบุคคลต้องพึ่งผู้อื่น จำเป็นต้องมีบิดามารดา ปกป้องและตัดสินใจแทน แต่เมื่อบุคคลเติบโตขึ้นมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นจะค่อย ๆ พัฒนาตนเองไปสู่ความเป็นอิสระไม่ต้องพึ่งผู้อื่น ไม่ต้องอยู่ ภายใต้การควบคุมหรือกำกับของผู้อื่นจะมีความเป็นตัวของตัวเองเพิ่มขึ้น สามารถดำเนินชีวิตได้ด้วยตนเอง และชี้นำตนเองได้
3.       มีนวัตถกรรมทางการศึกษาเพิ่มขึ้นมาก เช่น มีหลักสูตรใหม่ ห้องเรียนแบบเปิด ศูนย์วิทยบริการ การศึกษาอย่างอิสระ โปรแกรมการเรียน ที่จุดสำหรับบุคคล ภายนอก การศึกษาระบบมหาวิทยาลัยเปิด เป็นต้น รูปแบบของนวัตกรรมเหล่านี้ล้วนแต่เป็น ความรับผิดชอบ ของผู้เรียนที่จะต้อง เริ่มจากการริเริ่ม การเรียนรู้ด้วยตนเอง
4.       ความเปลี่ยนแปลงของโลกหลาย ๆ ด้านอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดแนวคิดใหม่ในการศึกษา 


เขียนโดย : นางสาวศรัณญา   นิยม รหัส 56119400085 ตอนเรียน B1

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

กระแส IOS 8 Apple



แหล่งที่มา ::: http://www.youtube.com/watch?v=NskFt5Ivufk
รายการ ::: Good Morning Thailand (18 ต.ค.57) Morning XTrend ข่าวไอทีรอบสัปดาห์ ช่อง Mono29

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

ค่านิยมร่วม (Shared Value) ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต

ค่านิยมร่วม (Shared Value) ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต


  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

กลุ่มคนซึ่งเพิ่มมูลค่าให้กับองค์กร (Knowledge Workers) คือ อะไร?

กลุ่มคนซึ่งเพิ่มมูลค่าให้กับองค์กร (Knowledge Workers)

        ปัจจุบันสังคมได้ปรับเปลี่ยนจากระบบเศรษฐกิจที่เน้นการผลิตไปสู่การบริการและความรู้ และองค์กรชั้นนำส่วนใหญ่เชื่อว่า "ความรู้" คือทรัพย์สินที่สำคัญและจะเป็นตัวสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน เพราะความรู้ลอกเลียนแบบกันยากแต่ต้องบริหารจัดการเอง ทำให้กระแสตื่นตัวเรื่องการบริหารความรู้เป็นที่นิยมอย่างมาก ขณะเดียวกันกลุ่มคนที่ปฏิบัติงานบนฐานขององค์ความรู้หรือที่เรียกว่า "Knowledge Workers" ซึ่งเป็นพลังสำคัญของระบบเศรษฐกิจสังคมใหม่ ก็กลายเป็นจุดสนใจมากขึ้น
      มีนักวิชาการให้ความหมายของคำว่า Knowledge Workers ว่ากลุ่มคนซึ่งเพิ่มมูลค่าให้กับองค์กร โดยแปลงและประมวลผลข้อมูลให้กลายเป็นข้อมูลข่าวสารใหม่ ซึ่งจะนำไปใช้ในการค้นหาและแก้ปัญหาขององค์กร เพิ่มผลประโยชน์ให้กับองค์กร พวกเขาสร้างความร่วมมือและทำงานร่วมกับคนอื่น เรียนรู้จากผู้อื่น พร้อมที่จะเสี่ยงและเรียนรู้จากความผิดพลาด ไม่ใช่แค่เพียงแต่จ้องจะวิพากษ์วิจารณ์จับผิดผู้อื่น กล่าวโดยสรุป Knowledge Workers ก็คือคนที่แก้ปัญหา ใช้สติปัญญาไม่ใช่งานแรงงานหรือธุรการงานประจำ พวกเขาต้องการความอิสระในการปฏิบัติงานสูง ใส่ใจต่อคุณภาพของการตัดสินใจและการใช้วิจารณญาณ มีความรู้พื้นฐานที่คนอื่นเลียนแบบได้ยาก สามารถในการแยกแยะ สร้าง ใช้ และพัฒนาข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนองค์ความรู้ให้มีความลึกซึ้งขึ้นกว่าเดิม เพื่อผลประโยชน์คือความสำเร็จขององค์กร

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

ประโยชน์ของสินทรัพท์ความรู้ (Leverage of knowledge asset) คือ อะไร?

Leverage of knowledge asset

Leverage of knowledge assetKnowledge asset  คือ ความรู้ที่สร้างขึ้นมาได้จาก SECI  ( SECI คือกระบวนการสร้างความรู้ ) Knowledge asset  แบ่งเป็น 4 แบบ

1. Experimental - ความรู้แบบ tacit ที่เกิดจากประสบการณ์ในการทำงาน และสายสัมพันธ์ระหว่างพนักงาน ลูกค้า คู่ค้า ฯลฯ ได้แก่: ทักษะในการทำงานของแต่ละคน, ความรักในการทำงาน, passion
2. Conceptual - ความรู้แบบ explicit ที่แสดงออกผ่านภาพลักษณ์ สัญลักษณ์ และภาษา ได้แก่: คอนเซปต์ผลิตภัณฑ์, ดีไซน์, แบรนด์
3.  Routine - ความรู้แบบ tacit ที่วนๆ เป็นรูทีนอยู่ในองค์กร เช่น ทักษะในการทำงานของทีม วิธีหรือขั้นตอนการทำงานในองค์กร วัฒนธรรมองค์กร
4. Systemic - ความรู้ explicit ที่จัดทำเป็นแพกเกจ เช่น เอกสาร คู่มือ สเปก database สิทธิบัตร

ที่มาข้อมูล : http://theharmonious.blogspot.com/2012/02/km.html

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Knowledge Sharing) คือ อะไร?

การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Knowledge Sharing) 

     การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Knowledge Sharing) คือ การที่กลุ่มคนที่มีความสนใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่งร่วมกัน  มารวมตัวกันและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ด้วยความสมัครใจ เพื่อร่วมสร้างความเข้าใจหรือพัฒนาแนวปฏิบัติในเรื่องนั้นๆ

 องค์ประกอบหลักที่สำคัญๆ ของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Knowledge Sharing) มีอยู่ด้วยกัน 3 องค์ประกอบ ได้แก่

คน (People) – ถือว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นแหล่งศูนย์รวมของความรู้ที่สมควรนำออกมาแบ่งปันเป็นอย่างยิ่ง โดยก็ควรจะเป็นคนที่มีความรู้จากการปฏิบัติจริง และอยากจะมาแบ่งปันและแลกเปลี่ยนความรู้นั้น ด้วยความเต็มใจ
สถานที่ และบรรยากาศ  (Place) – เป็นองค์ประกอบที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่จะทำให้การแลกเปลี่ยนเรียนรู้มีชีวิตชีวาและน่าสนใจ เพราะสถานที่และบรรยากาศที่ดี (สบายๆผ่อนคลาย) มีความเหมาะสมกับแต่ละกลุ่มคน จะทำให้คนเหล่านั้นมาเจอกันพูดคุย ปรึกษา วิเคราะห์ปัญหา  แบ่งปัน และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันอย่างสบายใจ
สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ (Infrastructure) - เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่ช่วยให้การแบ่งปันและแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกิดได้ง่ายและสะดวกขึ้น เช่น กระดานสำหรับเขียน คอมพิวเตอร์สำหรับการสรุปและจัดเก็บความรู้รวมถึงการแบ่งปัน (Share) หรือการส่งต่อข้อมูล



  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

กลยุทธ์การจัดการความรู้ (Knowledge  strategy) คือ อะไร?

Knowledge  strategy  คือ กลยุทธ์การจัดการความรู้


แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
   
1.  Codification Strategy มีวัตถุประสงค์ที่จะรวบรวมความรู้ จัดเก็บไว้ในฐานข้อมูล และนำออกใช้อย่างเป็นหมวดหมู่ในรูปที่เป็น Explicit Knowledge ซึ่งการนำ Explicit Knowledge มาใช้ซ้ำผ่านกระบวนการจัดการเช่นนี้จะสามารถประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย การออกแบบฐานข้อมูล การบริหารงานเอกสาร และสายการจัดการเพื่อการใช้ข้อมูล จัดเป็นส่วนหนึ่งของ Codification Strategy ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสำหรับองค์กรที่กลยุทธ์ทางธุรกิจมีความต้องการใช้ซ้ำความรู้ที่มีอยู่
   
2. Personalization Strategy เน้นที่การนำ IT มาช่วยบุคคลสื่อสารความรู้ระหว่างกัน มีวัตถุประสงค์ที่จะถ่ายโอน สื่อสาร และแลกเปลี่ยนความรู้ผ่านเครือข่ายความรู้เช่นการอภิปราย หากองค์กรใดมีกลยุทธ์ทางธุรกิจที่จะสร้างคำตอบใหม่ๆหรือเป็นการเฉพาะให้กับลูกค้าหรือเป็นการสร้างนวัตกรรม องค์กรนั้นควรเลือกกลยุทธ์การจัดการความรู้ประเภท Personalization Strategy มากกว่า Codification Strategy

ที่มาข้อมูล : http://www.oknation.net/blog/print.php?id=530498

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

Blogger Templates


Blogger Templates

http://www.hackublog.com/2010/06/31-cool-blogger-templates.html
http://btemplates.com/
http://www.premiumbloggertemplates.com/
http://www.bloggertemplates4you.com/
http://www.thesimplexdesign.com/
http://www.deluxetemplates.net/
http://besttheme.net/
http://www.zoomtemplate.com/
http://www.allblogtools.com/

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

เอซุส ปล่อยอัพเดต Android 4



เอซุส ปล่อยอัพเดต
Android 4.4 Kitkat ให้ ZenFone แล้วอย่างเป็นทางการ ลูกเล่นใหม่เพียบ

ข่าวดีสำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟนของเอซุสตระกูล ZenFoneล่าสุดทางผู้ผลิตได้ปล่อยอัพเดตระบบปฏิบัติการแอนดรอยส์ออกมาให้อัพ เดตกันได้แล้วแบบ OTA (Over-The-Air)

โดยการอัพเดตในครั้งนี้ จะมาพร้อมกันทั้ง ZenFone 4, และ รายละเอียดสำคัญของการอัพเกรด ASUS ZenUI KitKat 
1.               อัพเกรดเป็น Android 4.4 KitKat
2.               ฟีเจอร์ใหม่
1.               เพิ่มโหมด Do Not Disturb
2.               ระบบจะเลือก SIM card อัตโนมัติในการโทรกลับ (สำหรับรุ่น dual SIM เท่านั้น)
3.               Full dual standby with two SIM cards (สำหรับรุ่น dual SIM เท่านั้น)
4.               Filter effects สำหรับวีดีโอ
3.               พัฒนาประสิทธิภาพ Miracast และรองรับ DLNA protocol
4.               ปรับปรุงการทำงานของแบตเตอรี่
การปรับปรุงและพัฒนาระบบ
System
  • เพิ่มปุ่ม Quick Setting ใหม่ : Do Not Disturb mode
  • ปรับแอปพลิเคชั่น Quick Tool Box
  • ปรับปรุง Easy Mode: Contacts, Call Log, Dialer และ Messaging สามารถใช้งานใน Easy Mode
  • ปรับปรุง ASUS ZenUI Launcher: สามารถแสดง Missed calls, unread e-mails และ unread messages จาก VIP contacts
Phone & Messaging
  • เพิ่มโหมด Do Not Disturb
  • ระบบจะเลือก SIM card อัตโนมัติในการโทรกลับ (สำหรับรุ่น dual SIM เท่านั้น)
  • Full dual standby with two SIM cards (สำหรับรุ่น dual SIM เท่านั้น)
Camera and Photo editing
  • สามารถเปิด Image Stabilization ขณะมือสั่นโดยอัตโนมัติ
  • Filter effects สำหรับวีดีโอ
พัฒนา ASUS Gallery
  • ปรับปรุงการแสดงผลแนวนอนในสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต
  • เพิ่มฟีเจอร์ MicroFilm
  • เพิ่มฟีเจอร์ video rotation
Applications
  • ฟีเจอร์ใหม่: Data Transfer ช่วยให้สามารถโอนถ่ายข้อมูลจากอุปกรณ์อื่นสู่ผลิตภัณฑ์เอซุสได้อย่างง่ายดาย
  • Omlet Chat เพิ่ม “Bbbler Actors” emoticons
  • เพิ่มฟีเจอร์ PC Link และ Remote Link (ZenFone 4)
  • FM Radio ค้นหาสถานีโดยอัตโนมัติ, ค้นหาคลื่นด้วยตนเอง, รองรับ Program Service & Radio Text of RDS
  • เพิ่ม live wallpaper – MyWater (ZenFone 5 และ ZenFone 6)
What’s Next
  • รองรับฟอแมต 24-hour
  • สามารถปรับแต่ง widget transparency
  • ปัดหน้าจอเพื่อ skip cards
  • เพิ่มปุ่ม Quick Action สู่การแจ้งเตือน What’s Next
Flip Cover
  • เพิ่ม Calendar reminder

 ข้อมูลสำคัญ


1.               เมื่ออัพเกรดเป็น Android 4.4 แล้ว บริการในโซเชียลและคลาวน์บนแอปพลิเคชั่นของเอซุสจะถูกแทนที่โดย ASUS ZenUI Service ซึ่งคุณจะถูกขอให้อนุญาต ASUS ZenUI Service เข้าถึงและรวบรวมข้อมูลของคุณใน ASUS Gallery, ASUS Music, ASUS File Manager, ASUS Contacts และ ASUS Calendar
2.               การตั้งค่าใน ASUS Gallery จะถูกคืนค่าดั้งเดิมหลังจากอัพเกรด
3.               การอัพเกรดจะไม่ลบข้อมูลของคุณ แต่ควรสำรองข้อมูลของคุณก่อนการอัพเกรดไว้อยู่เสมอ
4.               เนื่องจากไฟล์มีขนาดใหญ่ ควรอัพเกรดผ่าน Wi-Fi
5.               หากมีข้อสงสัยในการอัพเกรด โปรดติดต่อศูนย์บริการเอซุส
เมื่อ ZenFone ของท่านได้รับการอัพเกรดเป็น ASUS ZenUI KitKat แล้ว จะสามารถสัมผัสได้ถึงประสิทธิภาพการประมวลผลที่ดีขึ้น สามารถจัดการ RAM ให้เหลือใช้งานหลายๆ แอปฯพร้อมกันได้อย่างสบายๆ เพิ่มลูกเล่นต่างๆที่น่าสนใจ เช่น โหมด Do Not Disturb ที่จะช่วยให้ค่ำคืนการนอนหลับที่แสนสบายของคุณไม่ถูกรบกวน และ Filter effects สำหรับวีดีโอ ที่ช่วยให้การบันทึกภาพเคลื่อนไหว สนุกสนาน ได้อารมณ์กว่าที่เคย การโอนถ่ายข้อมูลจากอุปกรณ์อื่นสู่ผลิตภัณฑ์เอซุสทำได้ง่ายขึ้นด้วย Data Transfer นอกจากนี้ PC Link ยังสามารถใช้งานใน ZenFone 4 เพื่อต่อจอแสดงผลกับคอมพิวเตอร์ได้สะดวกขึ้น รวมไปถึงฟีเจอร์และโหมดต่างๆที่เพิ่มเข้ามาอย่างมากมาย

Android 4.4 KitKat จะช่วยให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกับคุณสมบัติที่มีประโยชน์ใหม่ๆ เช่น ความสามารถในการโทรและค้นหาเสียงอย่างชาญฉลาด, ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานมัลติทาสกิ้ง, เพิ่มประสิทธิภาพของ RAM, อินเตอร์เฟซที่เรียบง่าย, โหมดการถ่ายภาพใหม่แบบ HDR+ และคุณสมบัติอื่นๆที่น่าสนใจอีกมากมาย นอกจากนี้ยังมี ZenUI ที่รวบรวมลูกเล่นพิเศษจากเอซุสที่มีมากกว่า 1,000 อย่าง โดยปรับปรุง ให้ใช้งานง่าย ทันสมัย​  ทำให้ผู้ใช้สามารถสัมผัสการจัดการที่น่าสนใจ เพื่อความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน

แหล่งที่มา : 
http://news.thaiware.com/5012.html

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

บทเรียนราคาแพงของ Baidu



รอบเดือนสองเดือนที่ผ่านมา ประเด็นร้อนที่สุดในวงการไอทีไทยคงหนีไม่พ้นผลิตภัณฑ์
Baidu PC Faster ก่อนอื่นผมต้องเล่าที่มาที่ไปสักเล็กน้อยครับ Baidu หรือ ไป่ตู้เป็นบริษัทไอทีรายใหญ่จากประเทศจีน เติบโตมาจากการทำเว็บค้นหาภาษาจีน และประสบความสำเร็จจนกลายเป็นเว็บเบอร์หนึ่งของประเทศจีน (เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่กูเกิลเจาะไม่เข้า) เมื่อ Baidu ประสบความสำเร็จจากระบบค้นหา ก็ได้เวลาแตกลูกแตกหลานผลิตภัณฑ์มากมาย ส่วนใหญ่เป็นบริการบนเว็บลักษณะเดียวกับกูเกิล แต่บริษัทก็ทำซอฟต์แวร์แบบดั้งเดิมที่ติดตั้งลงบนพีซีหลายตัว เช่น Baidu Browser, Baidu Antivirus เป็นต้น แถมภายหลังก็หันไปทำซอฟต์แวร์บนมือถือ โดยดัดแปลงระบบปฏิบัติการ Android ในชื่อใหม่ว่า Baidu Yi อีกด้วย นอกจากนี้ Baidu ยังเริ่มขยายกิจการออกมานอกประเทศจีนกับเขาบ้าง และหนึ่งในประเทศเป้าหมายของ Baidu คือ ประเทศไทยของเรานี่เองครับ ยุทธศาสตร์การทำตลาดไทยของ Baidu ไม่ได้เริ่มจากเว็บค้นหา (เหตุผลหลักคงเป็นเรื่องภาษา และบ้านเราเป็นประเทศที่กูเกิลเข้มแข็งมาก) แต่เริ่มจากเว็บพอร์ทัลชื่อ Hao123 และซอฟต์แวร์ช่วยปรับแต่งประสิทธิภาพพีซี Baidu PC Faster

ปัญหาของ Baidu คือกลยุทธ์ด้านการตลาดในไทยใช้วิธีค่อนข้าง ยัดเยียดให้ใช้บริการของตัวเอง เช่น แถมโปรแกรม PC Faster หรือตัวช่วยพาเข้าเว็บ Hao123 มากับโปรแกรมแจกฟรีชื่อดังหลายๆ ตัว ถ้าตอนติดตั้งโปรแกรมแล้วผู้ใช้ไม่ค่อยระวัง ก็จะได้ PC Faster หรือ Hao123 มาโดยไม่ตั้งใจพอได้โปรแกรมตัวใดตัวหนึ่งในสองตัวข้างต้นมาแล้ว การลบออกจากเครื่องก็ไม่ง่าย ไม่สามารถกดปุ่ม Uninstall ตามปกติแล้วจบ เพราะโปรแกรมของ Baidu ฝังตัวเองแนบแน่นเข้ากับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ และต้องใช้วิธีพิเศษในการถอนโปรแกรมออกจากเครื่องแบบหมดจด (รายละเอียดมีเยอะคงไม่กล่าวถึงในที่นี้ มีคนเขียนคู่มือและวิธีการไว้เยอะแล้ว ค้นหาเองได้ไม่ยากนะครับ) นอกจากนี้ ในกรณีของโปรแกรม Baidu PC Faster ยังมีผู้ใช้งานชาวไทยจำนวนหนึ่งรายงานว่า การติดตั้งโปรแกรมนี้ทำให้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์รวน เพราะ PC Faster เข้ามาปรับแต่งค่าของระบบ (เพื่อให้ประสิทธิภาพดีขึ้น) จนระบบเพี้ยน อันนี้ผมลองแล้วยังไม่เจอกับตัวเอง แต่ก็คิดว่าเหตุผลเป็นเพราะค่าคอนฟิกของวินโดวส์ในแต่ละเครื่องมีโอกาสแตก ต่างกันเยอะมาก ตามพฤติกรรมและโปรแกรมที่ติดตั้งไว้ในเครื่อง ดังนั้น มีโอกาสสูงที่ Baidu จะไม่เข้าใจค่าบางตัวจากโปรแกรมบางประเภท พอไปปรับเปลี่ยนค่าพวกนี้ย่อมทำให้เครื่องทำงานเพี้ยน เมื่อโปรแกรมของ Baidu มีปัญหาในเชิงการทำงาน และบริษัทใช้กลยุทธ์การแจกจ่ายโปรแกรมที่ค่อนข้าง บุกรุกคุกคามคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ ปัจจัยพวกนี้สะสมกันมากๆ เข้า เลยพลอยให้ภาพลักษณ์ของ Baidu เรียกได้ว่า เละไปแล้วในหมู่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ชาวไทยจำนวนไม่น้อย (ลอง search คำว่า Baidu ในพันทิป หรือเว็บไซต์ไอทีหลายๆ แห่งดูได้ครับ) เท่าที่ผมลองประเมินดู หลังมีกรณี PC Faster แล้ว ผู้ใช้จำนวนไม่น้อยให้คุณค่ากับแบรนด์ Baidu ในทางติดลบอย่างรุนแรง ชนิดว่า Baidu ออกผลิตภัณฑ์อะไรมาอีก (ที่ไม่เกี่ยวข้องกับ PC Faster หรือ Hao123 เลย) ก็จะถูกตั้งแง่ไว้ก่อนว่า ทำเครื่องพังหรือ ยัดเยียดอีกหรือเปล่า เรื่องนี้ถือว่าน่าเสียดายมากนะครับ เพราะ Baidu ไม่ใช่บริษัทไก่กาที่ไหน แต่เป็นเว็บค้นหาอันดับหนึ่งของจีน มีรายได้ปีละเป็นหมื่นล้านหยวน แถมยังเป็นบริษัทมหาชนที่ขายหุ้นอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ของอเมริกา การสร้างแบรนด์ของบริษัทเหล่านี้ให้คนรู้จักและยอมรับไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สถานะตอนนี้ของแบรนด์ Baidu ในไทยกลับเสียหายไปมาก เพราะกลยุทธ์การตลาดของผลิตภัณฑ์แค่บางตัวเท่านั้นเอง


ผมยังคิดไม่ออกเหมือนกันว่า Baidu จะกู้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ในหมู่ผู้ใช้ชาวไทยกลับมาได้อย่างไร (คงต้องเป็นหน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและการสร้างแบรนด์) ตรงนี้ก็ได้แต่หวังว่า Baidu จะรีบปรับเปลี่ยนนโยบายการทำตลาดของตัวเอง และกลับมาเป็นที่ยอมรับของผู้ใช้งานชาวไทยได้สำเร็จครับ

แหล่งที่มา : 
http://www.thairath.co.th/content/441541

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS